อบต.เสียว อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภูมิใจแก้ปัญหาน้ำดื่ม อุปโภค – บริโภค ได้เบื้องต้น กับประปาตำบล ดูแลได้ 4 หมู่บ้าน เนื่องจากน้ำใต้ดินมีน้อย ขณะที่ประธานเปิดใช้ทดลองดื่ม แจงปัญหาตนที่ไขก๊อกออกจากพรรคเพื่อไทย ข้อหาชรา



วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ ถังน้ำประปาขนาดกลาง อบต.เสียว อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับงบประมาณมาจากกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มาดำเนินการ สำรวจ ออกแบบ อยู่หลายรอบ เนื่องจากปัญหาใหญ่ของจุดที่จะเจาะบ่อบาดาล เพื่อดึงน้ำจากใต้ดินขึ้นมาทำน้ำประปา ที่สามารถใช้ได้ทั้งอุปโภค และบริโภค นั้น มีปัญหาน้ำกร่อย น้ำใต้ดินมีน้อย สุดท้ายก็ได้ลดขนาดประปาลงเหลือขนาดกลาง เจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้ โดยการขุดเจาะ 2 บ่อ โดยบ่อแรก ที่ความลึก 72 เมตร และบ่อที่ 2 ความลึก 42 เมตร สามารถใช้ได้ 2 ระบบ ทั้งกดดื่มได้เลย กับกดใช้ในการอุปโภค ทั้งคน สัตว์ สามารถนำไปรดพืชผักสวนครัวได้ โดยวันนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ได้รับมอบจากกรมทรัพย์ฯ และก็ได้เชิญ นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ในนามของพรรคเพื่อไทย มาเป็นประธานเปิด แต่พบว่า นายวิวัฒน์ชัย สวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวจึงสงสัยก่อนได้สอบถาม ก่อนได้รับคำตอบว่า ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว นับตั้งแต่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในตำแหน่ง นายก อบจ.ศรีสะเกษ แล้วแพ้ให้กับนายวิชิต ไตรสรณกุล แชมป์เก่า โดยพรรคเพื่อไทย บีบทางอ้อม โดยแจ้งว่า ต้องการคนรุ่นใหม่มาลงสมัคร สส.ในเขตตนสมัยหน้า จึงจำเป็นต้องลาออก ในข้อหา ผู้ชรา




นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ในนามสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สาเหตุที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีอะไรมาก ตนขอลาออกเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 หลังจากการเลือกตั้ง นายก อบจ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตนได้เข้าไปพูดคุยกับคระกรรมการพรรคเพื่อไทย ขอลงรับสมัครเพื่อขออาสาลงรับใช้พี่น้องประชาชนคนศรีสะเกษ ในนามพรรคเพื่อไทยอีก แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นพรรคเพื่อไทย เขาต้องการที่จะเปลี่ยนนักการเมืองให้คนรุ่นหนุ่ม สาว ซึ่งผมนั้นก็อายุย่าง 70 ปีแล้ว จึงได้พิจารณาตนเอง ไม่อยากเป็นภาระให้กับทางพรรค ก็เลยขอลาออก จากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ นั้น มีนโยบายที่ดีอยู่หลายนโยบาย แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ ตนจึงตัดสินใจ เพื่อมาเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ และเตรียมในการลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ในเขตเลือกทั้ง 3 จังหวัดศรีสะเกษ ดั่งเดิม




///////////////////////