พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎร์ในตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ สังกะสี หลังคาบ้าน ฝาบ้าน ปลิวหาย คุณยาย วัย 87 ปี อยู่บ้านคนเดียว กลัวจนตัวสั่น ต้องใช้ไม้เท้าพะยูงตัวเข้าห้องนอน ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์




เช้าของวันนี้ 21 เมษายน 2568 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้เร่งออกมาเดินสำรวจความเสียหายเบื้องต้น ร่วมกับชาวบ้านที่คอยให้ข้อมูล เล่าเรื่องราวการเกิดพายุหมุน ขนาดใหญ่ พัดมาอย่างแรง ตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมา 20 เมษายน 2568 หลังจากที่ชาวบ้านกำลังจะทานข้าวในช่วงเย็น ได้เกิดลมพายุหมุนขนาดใหญ่ พัดเข้ามากลางหมู่บ้าน โดนพายุหนักสุดก็คือ หมู่ที่ 9 โดยลมพายุ ได้พัดจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมุนเป็นวงขนาดใหญ่ เคลื่อนผ่านไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพียงไม่ถึง 10 นาที แต่สร้างความเสียหายเป็นอันมาก คุณยายวัย 83 ปี ขณะนั่งพักอยู่ใต้ถุนบ้าน รอลูกหลานมาพาเข้านอน ขณะที่ลูกหลานที่อยู่ด้วย เดินไปบ้านเพื่อนๆ ลมพัดแรง เสียงดังสนั่น ก่อนหลังคาปลิวออกไปทั้งหลัง ยายกลัวจนตัวสั่น ไม่เคยพบเจอมาก่อน พยายามใช้ไท้เท้าค้ำยัน พาตนเองเดินเข้าไปหลบในห้องนอน ยกมือไหว้ สวดมนต์ตลอดเวลา จนพายุสงบลง



นายเทียนขัย มโนมัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองครก หมู่ที่ 9 เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตน อยู่บ้านที่ทุ่งนาได้ยินเสียงอึกทึกคึกโครมในหมู่บ้าน มองไปเห็นท้องฟ้าสีแดง ลมพัดหมุนอย่างแรง เข้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่บ้านภายในระยะเวลาเพียง 10 นาที หลังจากพายุสงบลง ตนได้เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ ที่เข้ามามากมายหลายสาย ในการโทรขอความช่วยเหลือ ตนได้เดินตรวจสอบเบื้องต้น แต่เมื่อคืนมืดมากก็เลย รอให้เช้ารุ่งขึ้นวันนี้ จึงได้มาเดินสำรวจเบื้องต้นใหม่ ที่ถูกพายุพัดหนักสุด แบบหลังคาบ้าน ฝาบ้าน ปลิวหายออกไปหมด 8 หลังคาเรือน และออกเป็นบางส่วนจำนวน 7 หลังคาเรือน รวมแล้วหนักสุดตอนนี้ 15 หลังคาเรือน แต่ว่ายังสำรวจไม่หมด น่าจะมีบ้านเรือนที่ถูกพัดสังกะสี ปลิวหายบ้านละ 5 แผ่น 10 แผ่น 20 แผ่น มีอีกหลายหลังคาเรือน ยังไงจะได้สำรวจให้เสร็จตอนเช้านี้ เพื่อรายงานให้ปกครองอำเภอได้รับทราบ พร้อมแจ้งผู้ใหญ่บ้านได้ขอความช่วยเหลือต่อไป เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดมาเลยในระยะรอบ 10 ปี



///////////////
ภาพ/ข่าว ทีมข่าวไทม์นิวส์ / ศรีสะเกษ