จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ ปปส.ภาค 3, สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ผู้นำท้องถิ่น ในอำเภอเป้าหมายหลัก ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ผู้กำกับทุก สภ. เปิดโครงการ ปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตจากเสพยา


วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ ห้องประชุมศรีลำดวน โรงแรมพรมพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นางสุมนา บัวเทศ ผู้อำนวยการส่วนประสานพื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 3 ได้จัดโครงการ, นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, พลตำรวจตรี พิษณุ วัตถุ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ, นายแพทย์ ทนง วีระแสงพงษ์ สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก สำนักงาน ปปส.ภาค 3, สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอเป้าหมายหลัก ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ผู้กำกับทุก สภ. เปิดโครงการ อบรมชุมปฏิบัติการแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตจากยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ( Quick win ) ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง 22 อำเภอ ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัยมาสู่ประชาชน ชุมชน คนในครอบครัว โดยยึดหลัก “เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” จากข้อมูล ปปส.ภาค 3 พบว่าจังหวัดศรีสะเกษ มีผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตที่เป็นผลมาจากการเสพยา จากข้อมูลในระบบซักถาม จำนวน 810 ราย โดยพบว่าข้อมูลที่พบจำนวนมากก็คือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จำนวน 136 ราย และหากไม่มีการดูแลรักษา นำมาบำบัด กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะเพิ่มสูงขึ้น และมีผลต่อการแสดงออกทางด้านจิตใจที่รุนแรง ทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนในครอบครัว และชุมชนสังคมรอบข้าง ตามที่ตกเป็นข่าวอยู่แทบทุกวัน ลูกฆ่าพ่อ แม่ ลูกทุบตีพ่อแม่ ภรรยา หรือคนในครัวเรือน เป็นต้น



โดย นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ความคาดหวังในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่รับการฝึกอบรมจะได้มีทักษะในการฟื้นฟู บำบัด คืนคนดีสู่สังคม สู่ครอบครัว โดยผู้ที่มีอาการทางจิต ที่เกิดจากยาเสพติดจะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี แล้วสังคมก็จะปลอดภัย ชุมชนก็จะปลอดภัย แต่หากเราไม่ได้จัดการกับปัญหาเหล่านี้ ผู้ที่ป่วยทางจิตที่เกิดจากยาเสพติด กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะซ่อนตัวอยู่ในครอบครัว ในสังคม สุดท้ายก็อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรง ความไม่ปลอดภัย ทั้งในชุมชน ในครอบครัว คนในครอบครัว ญาติพี่น้องผู้ใกล้ชิด พ่อแม่ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ที่สำคัญการทำความเข้าใจกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะต้องรับรู้เหมือนกันว่า บุคคลเหล่านี้คือผู้ป่วย จำเป็นจะต้องได้รับการรักษา แต่หากเราปล่อยให้มีการเสพยา แล้วไม่แจ้งกับฝ่ายปกครอง แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็เปรียบเสมือนการซ่อนปกปิดผู้ป่วยเอาไว้ เมื่อคนป่วยไม่ได้รับการดูแลรักษา อาการป่วยก็จะมากขึ้น สุดท้ายผลร้ายก็จะเกิดกับผู้ป่วย ผู้เสพยานั้นเอง แล้วจะส่งผลเกิดกับครอบครัว กับชุมชนตามมา ตนจึงอยากจะวิงวอน ผู้ปกครอง กรุณาแจ้งกับผู้ที่ไว้วางใจ กับท่านกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต. ทุกคนที่ท่านไว้วางใจ แล้วเราก็จะนำลูกหลานของท่านมาบำบัด มารักษาอาการป่วย ก่อนนำลูกหลานท่านกลับสู่สังคมที่ดี กลับสู่ครอบครัวที่ดี เป็นลูกหลานที่เป็นคนดีตลอดไป


////////////////////
ภาพ/ข่าว นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ / ศรีสะเกษ